เตรียมเป็นพ่อแม่
ช่องทางการติดต่อ
หากวันนี้ถ้าจะเลือกให้ของขวัญกับลูกสักชิ้นหนึ่งระหว่าง “เงิน” กับ “การศึกษา” ถ้าเลือกให้ได้ จะเลือกอะไร แน่นอนว่าพ่อแม่ทุกๆคน ก็คงตอบเหมือนกันว่าก็ต้องเลือก “การศึกษา” เพราะ ถ้าเราให้แต่เงิน คือเป็นพ่อแม่ที่ขยันทำมาหากิน สามารถหาเงินเยอะๆให้ลูกได้ แต่ถ้าลูกไม่มีการศึกษาที่ดี เงินที่สามารถได้มาเยอะๆ วันนึงก็อาจจะหมดได้ แต่ถ้าพ่อแม่ไม่ได้ร่ำรวย แต่สามารถหาเงินส่งลูกให้ได้รับการศึกษาดีๆ หรือส่งลูกให้เรียนสูงๆ แม้ช่วงแรกจะไม่ได้มีเงินทองอะไรมาก แต่อนาคตก็จะสามารถเอาความรู้ความสามารถจากการศึกษา มาหาเงินทองให้ร่ำรวยได้
จึงเห็นว่าพ่อแม่สมัยนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะมองหาสถานศึกษาดีๆให้กับลูกตั้งแต่เล็กๆ เรียกว่าเดี๋ยวนี้พอเกิดปุ๊บ ต้องรีบมองหาโรงเรียนกันเลยทีเดียว แถมบางโรงเรียนที่ชื่อดังหน่อย ก็เริ่มมีให้จองล่วงหน้าตั้งแต่เกิดเลยทีเดียว เพื่อรักษาสิทธิค่าเทอมที่ถูกกว่าในอนาคตได้ จึงทำให้การวางแผนการศึกษาบุตรเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องมีการวางแผนตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงอนาคตเลยทีเดียว เช่น ถ้าลูกเพิ่งเกิด ก็ควรเริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้เลยว่า อยากจะส่งเสียให้ลูกเราเรียนถึงระดับไหน ปริญญาตรี ปริญญาโท หรือจนกระทั่งถึง ปริญญาเอก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย เช่น โรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนรัฐบาล เรียนนานาชาติ หรือเรียนที่ต่างประเทศ ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ เพื่อคนที่คุณรัก 20/5 หรือ 20/10 ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เมื่อครบกำหนดจะมีเงินก้อนโตส่งต่อเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกได้อีกด้วย
หลังจากนั้นเราพอจะเห็นแผนทางการศึกษาของลูกเราในอนาคตได้แบบคร่าวๆแล้ว เราก็จะได้งบประมาณคร่าวๆว่า ค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมดของลูกเรา จะเป็นจำนวนเงินทั้งหมดเท่าไหร่ ซึ่งถ้าการประมาณค่าเล่าเรียนทั้งหมดควรจะต้องประมาณการณ์เผื่ออัตราเงินเฟ้อของการศึกษาด้วย ซึ่งประมาณ 5-8% ต่อปี เช่น ถ้าเราต้องการจะส่งลูกเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ ซึ่งค่าเทอมปัจจุบันประมาณ 1 ล้านบาทต่อปี แต่ตอนนี้ลูกเราเพิ่งอายุ 6 ขวบ กว่าจะเข้าเรียนปริญญาโท ก็อายุ 22 ปี ก็แสดงว่าเหลือเวลาอีก 16 ปี ถึงจะได้เรียน ดังนั้นจากเดิมค่าเทอมปีละ 1 ล้าน ก็น่าจะเผื่อเป็น ปีละ 2.2 ล้านบาท ถ้าคิดว่าอัตราเงินเฟ้อการศึกษาประมาณ 5% ต่อปี ซึ่งถ้าเรียนปริญญาโท 2 ปี ก็แสดงว่าจะใช้ค่าเทอมปริญญาโทรวมแล้วประมาณ 4.4 ล้านบาท เป็นต้น
ซึ่งการวางแผนการเก็บเงินลูกนั้นขึ้นกับระยะเวลาที่ต้องการใช้เงินกับเครื่องมือที่ใช้เก็บเงิน ซึ่งถ้าเหลือเวลาสั้นเกินไปในการเก็บเช่นตอนนี้ลูกอายุ 6 ปี เรียน ประถมศึกษาปีที่ 1 อยู่ ถ้าต้องการเก็บเงินเพื่อเรียนระดับมัธยมศึกษาซึ่งก็เหลือเวลาอีกแค่ 5-6 ปี ก็ต้องใช้เงินแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ควรนำเงินไปลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินที่เสี่ยงเกินไป เช่นไม่ควรเก็บออมในหุ้น หรือเก็บแบบประกันสะสมทรัพย์ก็ไม่น่าจะเหมาะ เพราะระยะเวลาสั้นเกินไป และไม่ค่อยมีแบบประกันที่ออกแบบในลักษณะนี้ แต่ควรจะลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินที่เสี่ยงต่ำหรือปานกลางค่อนข้างต่ำ เช่น เงินฝากประจำปลอดภาษีพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชนเกรดดีๆ หรือ กองทุนตราสารหนี้ น่าจะเหมาะสมกว่า
ดังนั้นหากใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเก็บเงินให้ลูกด้วยสินค้าการเงินอะไรดี จะเป็นประกันแบบสะสมทรัพย์ดีมั้ย หรือกองทุนแบบไหนดี หรือหุ้นจะเหมาะมั้ย จึงควรเข้าใจจุดเด่น จุดด้อยของผลิตภัณฑ์การเงินนั้นๆก่อนที่จะเลือกลงทุนหรือออมเงิน ดังนี้
ตัวแทนคนรุ่นใหม่ คุณแม่ลูกอ่อนที่เชี่ยวชาญประกันสุขภาพเด็ก และเข้าใจวัยรุ่นผู้ที่ต้องการจะเก็บออม ลดหย่อนภาษีเป็นอย่างดี พร้อมให้คำปรึกษาดั่งเพื่อน เพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณ คุยง่าย เน้นความเ
พร้อมดูแลทุกคนในครอบครัว จากการเป็นตัวแทนมากกว่า 7 ปี เป็นสัตวแพทย์ รวมถึงป็นคุณแม่ลูกแฝด ทำให้เข้าใจความกังวลของคนเป็นแม่ที่มีต่อลูก การันตีด้วยกรมธรรม์สุขภาพเด็กมากกว่า 200 เล่ม
คุณเคยคิดหรือไม่? เล่มกรมธรรม์ที่คุณถืออยู่ ไม่ตอบโจทย์ชีวิตในปัจจุบัน เจอปัญหาตัวแทนไม่ใส่ใจเคียงข้างคุณ ซื้อประกันเล่มใหม่ไม่รู้เริ่มตรงไหน ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง ให้เราทำหน้าที่ตอบโจทย์เหล่านี้แทนคุณ
แบบประกันที่ดี คือ แบบที่ลูกค้าเลือก ไม่ใช่แบบที่ตัวแทนอยากขาย เพียงแค่คุณตั้งโจทย์ ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่เรา นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณเลือกด้วยตนเอง
หลังคาบ้านรั่วยังมองเห็นได้ เมื่อฝนตก แต่สถานะการเงินมีรูรั่ว ใครล่ะจะช่วยบอกได้ ให้พี่หมูได้ตรวจสอบดูว่า ครอบครัวคุณปลอดภัย ทุกมิติทางการเงิน แล้วหรือยังนะคะ
ประกัน=เงินสดในวันที่คุณต้องใช้มัน และเงินสดให้คนที่คุณรักในเวลาที่คุณไม่อยู่ ต้องการสร้างหลักประกัน=เงินสดช่วยคุณ ช่วยคนที่คุณรัก มาวางแผนชีวิตและการเงินกับ ผึ้ง โตเกียวมารีน มาเป็นครอบครัวโตเกียวมาร
ให้คำปรึกษาประกันสุขภาพ พร้อมทั้งช่วยวางแผนด้านการเงิน ตามความต้องการสำหรับทุกคน ถ้าสนใจนัดคุยกันก่อนได้นะคะ ยินดีไปให้คำปรึกษา